วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Protozoa


เชื้อไกอาเดีย แลมเบีย ( Giardia  lamblia )

               เป็นโปรโตซัวในกลุ่มแฟลกเจลเลต ทำให้เกิดโรคท้องร่วงเรื้อรัง ( giardiosis, giardiasis ) พบได้ทั่วโรคโดยเฉพาะในเขตร้อน มักพบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ เชื้อชนิดนี้มีความจำเพาะต่อโฮสต์สูง

สรีรวิทยา


ระยะของ Giardia  lamblia

                Trophozoite  มีรูปร่างกลมมนทางปลายหน้าและแหลมทางปลาย ( pear-shape ) ด้านบนนูน ส่วน  
 ด้านล่างเว้า ขนาด  trophozoite ยาว (9-21)* (5-15) Um หนา 2-4 ไมครอน มี 2 nuclei นิวเคลียสรูปรีมี karyosome อยู่กลางประกอบด้วย chromatinหนาเข้ม 1 ก้อน nucleoplasm ไม่มี chromatin ที่ nuclear membrane มีหนวด 4 คู่ อยู่ทางด้านล่างของลำตัว และมี 4 คู่ ของ  blepharoplasts  เป็นจุดเริ่มต้นของหนวด  4 คู่ มี axonemes หนา มี parabasal bodies  2 อัน  ในอุจจาระร่วงจะพบแต่ระยะ trophozoite 
            Cysts  รูปคล้ายไข่ขนาด  ( 8-12 )*( 7-10 ) m cytoplasm  เป็นเม็ดละเอียด เมื่อเจริญเต็มที่ จะมี 4 nuclei

  
                 
                         ระยะโทรโฟซอยต์ของ G. lamblia                    ระยะซิสต์ของ G. lamblia



รูปร่างของ Giadia lamalia 

            1.ระยะโทรโฟซอยท์ 

                อาศัยอยู่ในลำไส้เล็กส่วนต้นโดยเฉพาะบริเวณ  duodenum และ jejunum ขนาดของตัวแก่ยาว 10 – 1  ไมครอน ทางด้านหน้าเรียก ( microns ) กว้าง 5 ไมครอนและหนา 2-4 ทางด้านหน้า  ( anterior )  คล้ายเเรคเก็ตเทนนิสด้านล่างหน้าจะเป็นแผ่นบุ่มเข้าไปมีลักษณะคล้ายจานกลมๆเรียก

            2.ระยะซีสต์ 
               ซีสต์มีลักษณะเป็นรูปไข่ ( ovoidal ) ขนาดยาว 8-12 ไมครอน กว้าง 6 – 10 ไมครอน ขอบของชีสต์เรียบหนามี 4 นิวเคลียสอยู่คอนมาทางด้านหน้าของซีสต์ตรงกึ่งกลางของซีสต์จะเห็น axostyle หรือ axonme เป็นเส้นแบ่งครึ่งยาวเกือบตลอดซีสต์มีความทนทานต่อสภาแวดล้อมได้ดีมาก 


ลักษณะการก่อโรค

        เชื้อก่อโรค Giardia lamblia ( G. intestinalis ) ซึ่งเป็นโปรโตซัวที่มีหางยาว ( flagella ) ช่วยในการเคลื่อนไหว ลักษณะโรค  เป็นการติดเชื้อโปรโตซัวที่ลำไส้เล็กส่วนต้น ปกติมักจะไม่แสดงอาการ แต่อาจมีส่วนสัมพันธ์กับการเกิดอาการที่ลำไส้ เช่น ท้องเสียเรื้อรัง  อุจจาระมีไขมันมากผิดปกติ  ปวดเกร็งท้อง  จุกแน่นบริเวณลิ้นปี่ อุจจาระมีสีซีดและเป็นมัน  อ่อนเพลียและน้ำหนักลด และอาจเกิดความผิดปกติของขบวนการดูดซึมไขมัน โดยปรกติจะไม่มีการทำลายเยื่อบุลำไส้  แต่ในบางครั้งโปรโตซัวระยะ trophozoite อาจมีการลุกล้ำเข้าไปในท่อน้ำดีหรือท่อตับอ่อน และทำให้เกิดการอักเสบ การทำลายเยื่อบุผนังลำไส้เล็กส่วนต้นและส่วนกลางซึ่งพบได้ในรายที่มีการติดเชื้ออย่างรุนแรง การวินิจฉัยโรคทำได้โดยการตรวจหาเชื้อระยะ cyst หรือระยะ trophozoite ในอุจจาระ  (ต้องทำการตรวจซ้ำอย่างน้อย 3 ครั้ง ก่อนที่จะสรุปผลว่าเป็นลบ)  หรือตรวจหา trophozoite โดยการเจาะเอาของเหลวในลำไส้เล็กส่วนต้น หรือจากการตัดชิ้นเนื้อที่เยื่อบุผนังลำไส้เล็กมาตรวจ  ซึ่งการตรวจวิธีหลังสุดนี้มีความน่าเชื่อถือมากกว่าในกรณีที่ผลของการตรวจอุจจาระไม่ชัดเจน แต่ก็ไม่ค่อยมีความจำเป็นมากนัก การติดเชื้อ Giardia นี้  โดยปรกติมักจะไม่แสดงอาการ  ดังนั้น การพบเชื้อ G. lamblia ในอุจจาระหรือลำไส้ จึงไม่สามารถบอกได้ว่าเชื้อ Giarrdia จะเป็นสาเหตุของการป่วยเสมอไป การทดลองเพื่อปรับปรุงวิธีการตรวจหาแอนติเจนในอุจจาระและแอนติบอดี ( ชนิด humoral ) กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา


วิธีการแพร่เชื้อ 


            ติดต่อจากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่งโดยการกินเอา cyst ในอุจจาระของผู้ติดเชื้อที่ปนเปื้อนติดมือ  ซึ่งพบได้บ่อยในสถานศึกษาและสถานรับเลี้ยงเด็ก   การใส่คลอรีนที่มีความเข้มข้นลงในน้ำ ยังไม่สามารถทำลายเชื้อในระยะ cyst ได้  โดยเฉพาะน้ำในแม่น้ำ  ลำธาร และทะเลสาบ ที่เอื้ออำนวยต่อการปนเปื้อนของเชื้อจากอุจจาระของคนและสัตว์ที่ติดเชื้อ มักพบว่าเป็นแหล่งของการแพร่กระจายเชื้อ


ระยะฟักตัว  
    

            5-25 วัน หรือนานกว่า เฉลี่ยประมาณ 7-10 วัน  ผู้ติดเชื้อที่ไม่ปรากฎอาการ (ซึ่งพบได้ทั่วไป) อาจพบว่าสามารถแพร่เชื้อได้มากกว่าผู้ป่วยที่มีอาการ  การรระบาดเฉพาะที่ยังอาจเกิดจากการกินเอา cyst ในอุจจาระที่ปนเปื้อนมากับน้ำ และพบไม่บ่อยที่ปนเปื้อนมากับอาหาร

ระยะติดต่อของโรค
       ตลอดช่วงระยะเวลาที่มีการติดเชื้อความไวและความต้านทานต่อการรับเชื้อ อัตราการเป็นพาหะที่ไม่แสดงอาการพบได้สูง  การติดเชื้อบ่อย ๆ  มักพบว่าหายเอง  การศึกษาการเกิดโรคจากเชื้อ lamblia ยังไม่สามารถระบุได้ว่าอะไรเป็นปัจจัยในตัว host ที่สัมพันธ์กับความต้านทานโรค

การเกิดโรค 
     
            พบได้ทั่วโลก เด็กมักมีการติดเชื้อมากกว่าผู้ใหญ่  อัตราความชุกของโรคจะสูงในบริเวณที่มีการสุขาภิบาลไม่ดี และในสถานเลี้ยงเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถควบคุมการขับถ่าย  อัตราการตรวจพบเชื้อ Giardia ในอุจจาระมีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่  อาจพบอยู่ในช่วงระหว่าง 1% ถึง 30% ขึ้นอยู่กับสภาพชุมชนและกลุ่มอายุที่สำรวจ ในสหรัฐอเมริกา การระบาดของโรคที่ติดต่อผ่านทางน้ำ  ส่วนใหญ่เกิดในชุมชนที่อยู่ตามบริเวณเทือกเขา และมีการดื่มน้ำจากแม่น้ำหรือลำธาร  โดยปราศจากระบบการกรอง  ในประเทศเขตอบอุ่น และประเทศในเขตร้อนพบว่ามีความชุกของโรค โดยที่การติดเชื้อพบได้บ่อยในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความสัมพันธ์กับการดื่มน้ำที่ไม่สะอาดเพียงพอ


แหล่งของโรค  
   

            คนเป็นแหล่งรังโรค และบางทีพบในสัตว์พวกตัวบีเวอร์  สัตว์ป่าต่าง ๆ  รวมทั้งสัตว์ที่เลี้ยงไว้ในบ้าน  ระยะ cyst ที่อยู่ในคนสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อไปยังคนได้มากกว่าระยะ cyst ที่อยู่ในสัตว์


วงจรชีวิต



            1. การติดต่อเข้าสู่คนโดยการกินระยะซีสต์ที่ปนเปื้อนในอาหารและน้ำดื่ม สัตว์ที่มีรายงานการตรวจพบ G. lamblia ได้แก่ สุนัข แมว โค กระบือ ซึ่งอาจถือเป็นโฮสต์กักตุนได้

            2.ซีสต์จะแบ่งตัวภายในได้ปรสิตระยะโทรโฟซอยต์สองตัวและจะออกจากซีสต์ไปเกาะที่เซลล์บุลำไส้เล็กส่วนต้นและมีการแบ่งตัวแบบไม่อาศัยเพศ

            3. ระยะโทรโฟซอยต์มีรูปร่างคล้ายลูกแพร์ผ่าซีก ด้านหลังโค้งนูน ด้านหน้าโค้งเว้า ตอนบนด้านหน้ามีแผ่นยึดเกาะใช้ยึดเกาะกับเยื่อบุลำไส้เล็ก มีนิวเคลียส 2 อันเรียงตัวซ้ายขวาตรงแผ่นยึดเกาะ มีแฟลกเจลเลต 4 คู่ บริเวณตรงกลางพบแท่งลักษณะโค้งสั้นๆ 2 อันวางขวางลำตัว เรียกว่า มีเดียนบอดี ( median body)

            4. โทรโฟซอยต์ใช้แผ่นยึดเกาะเกาะติดกับลำไส้ หลังจากเพิ่มจำนวนไประยะหนึ่งแล้ว จะแปรสภาพเป็นระยะซีสต์ ขณะเคลื่อนมาที่ลำไส้ใหญ่

            5. ซีสต์มีลักษณะกลมรี มี 4 นิวเคลียสซึ่งเป็นระยะติดต่อ ภายในซีสต์จะเห็นแอกโซนีมและมีเดียนบอดีได้ การติดต่อมักปนเปื้อนไปกับอาหารและน้ำดื่มได้ นอกจากนี้ยังมีการได้รับซีสต์จากอุจจาระเข้าไปทางปากโดยตรง ซึ่งมีรายงานว่าชายที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศมีโอกาสติดเชื้อนี้สูง


อาการและพยาธิสภาพ


            ผู้ได้รับเชื้อส่วนหนึ่งมักไม่มีอาการ แต่ผู้มีอาการมักมีอาการหลังได้รับเชื้อมาประมาณ 2 สัปดาห์จะเริ่มแสดงอาการให้เห็น โดยเริ่มจากมีอุจจาระร่วงเล็กน้อยจนถึงอุจจาระร่วงเรื้อรัง อาการที่พบร่วมได้ คือ มีไข้ ปวดบริเวณลิ้นปี่ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ท้องอืด อุจจาระเป็นมันมีฟองสีขาวขุ่น เนื่องจากมีไขมัน ( steatorrhea ) สาเหตุเกิดจากการมีเชื้ออยู่ในลำไส้ทำให้ขัดขวางการดูดซึมอาหารโดยเฉพาะไขมัน อาการของโรคมักรุนแรงในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้มีภาวะทุโภชนาการ



การวินิจฉัย 


            โดยการตรวจหา cyst จากอุจจระของผู้ป่วย ในรายที่ ท้องร่วงอย่าง รุนแรงจะพบ trophozoite ในอุจจระได้ นอกจากนี้ สามารถตรวจหา เชื้อจากน้ำย่อย ในลำไส้เล็กส่วนต้น ที่ได้จากการ ใช้สายยางสวน หรือ ตรวจหาจาก น้ำดี การขูดผิวผนัง สำไส้โดยใช้ กล้องส่องลำไส้เล็ก เพื่อตรวจหา ทางเซลล์วิทยา หรือ ตัดชิ้นเนื้อผนัง ลำไส้เล็ก เพื่อตรวจหา พยาธิสภาพ และเชื้อด้วย กล้องจุลทรรศน์ นอกจากนี้ การตรวจทาง อิมมูนวิทยา เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่ใช้ช่วยใน การวินิจฉัยเช่น วิธี indirect fluorescent antibody ( IFA ), enzyme-linked immunosorbent assay ( ELISA ) เป็นต้น


การรักษา

            ยาที่อาจลองที่บ้านก่อนได้แก่ ยาลดลมต่าง ๆ โดยขอเน้นว่าต้องไม่มีอาการเตือนร้ายแรงนำครับ ถ้ามีควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว

            ยากลุ่ม Bismuth subsalicylate ( เช่น Pepto-Bismol ) อาจลดกลิ่นที่เกิดจาก hydrogen sulfide,
a sulfur-containing compound.


             รักษาตามโรค เช่น   ให้ยาฆ่าเชื้อ ( Antibiotic ) ในผู้ป่วยโรค bacterial overgrowth  งดนมในผู้ป่วย
lactose - indigest และอย่าลืมกินแคลเซียมเสริมด้วย

















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น